tag:blogger.com,1999:blog-69329545957463930962024-02-07T22:04:06.889-08:00Yongyonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.comBlogger11125tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-86867893550632787122010-05-22T07:11:00.000-07:002010-05-22T07:25:39.209-07:00แยกทหาร<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgR38XJwHDGT28VsiYJGiYJCsUHLjNPZpm_1SSDae39NzkYma0XMZ9QnUZOkLHmD613-UiH6tWMlZhleoHYZhuIuavB_t8sHWRwuDpgCa0_kIAyHAEwF744ElHuS56C3tUED1vQ1ZnVD29/s1600/610-1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5474098232825376562" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 210px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgR38XJwHDGT28VsiYJGiYJCsUHLjNPZpm_1SSDae39NzkYma0XMZ9QnUZOkLHmD613-UiH6tWMlZhleoHYZhuIuavB_t8sHWRwuDpgCa0_kIAyHAEwF744ElHuS56C3tUED1vQ1ZnVD29/s320/610-1.jpg" border="0" /></a> หากเอาฉากความรุนแรงครั้งนี้มาเป็นผลลัพธ์ หลายคนเชื่อว่าโจทย์ของมันคือการรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.49 แต่ผู้เขียนขอใช้ทัศนะที่อาจประกอบด้วยปัญญาอันน้อยนิดว่า ผลลัพธ์เป็นจำนวนศพและทะเลเพลิงกลางเมือง<a href="http://http//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3">กรุง</a> มันมีโจทย์สืบต่อเนื่องมาตั้งแต่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (?) บางครั้งคราวก็ปรากฏคำตอบออกมาเป็นระยะ แต่เราไม่จำจดมาเป็นบทเรียน ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 2516 หรือ 16 ตุลาคม 2519 ประวัติศาสตร์ระยะใกล้ที่ปรากฏคำตอบคือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 <a href="http://http//thai.amannews.org/view/view.php?id=651">อ่านต่อ<br /></a><div></div>yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-35709533194265954422010-05-20T02:35:00.000-07:002010-05-20T02:47:00.659-07:00ถอดบทเรียนไฟใต้ ใช้ ‘ความจริง’ ดับ ‘ไฟเมืองหลวง’<p align="center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQFyput4HhbhoOKy4u6nd2M5iHmMPQTygCE52oJz_ga3r8ktjhtH_txhl1hi2oXdVNp8FVPcYZwwE0u3GPBRIYegdqkDFu9R20sHEz7tuBg9hAYBDc1ev7uzAiIb6EYH7ZUNRGZ7gOLM-n/s1600/2.jpg"><span style="font-size:0;"></span><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 284px; DISPLAY: block; HEIGHT: 179px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5473283851144821026" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQFyput4HhbhoOKy4u6nd2M5iHmMPQTygCE52oJz_ga3r8ktjhtH_txhl1hi2oXdVNp8FVPcYZwwE0u3GPBRIYegdqkDFu9R20sHEz7tuBg9hAYBDc1ev7uzAiIb6EYH7ZUNRGZ7gOLM-n/s320/2.jpg" /></a></p><br />ความจริงแล้วผมอยากจะเขียนบทความนี้ไปในแนวทางที่คอลัมนิสต์ของสื่อต่างๆ เขาทำกัน คือแสดงความเห็นเกี่ยวกับวิกฤติความรุนแรงระหว่างเสื้อแดงและรัฐบาล โดยเอาจุดยืน(ข้าง)ที่ตนเลือกมาเป็นฐาน และพยายามชี้เป้าว่าฝั่งตรงข้ามที่ตนเองเลือกผิดพลาดเลวร้ายทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นอย่างไร หรืออย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงทั้งหมดนี้ ขั้วตรงข้ามของตนเองเป็นฝ่ายก่อขึ้นทั้งหมด แม้ผู้เขียนรายนั้นจะใช้ทัศนะของนักวิชาการมาเป็นข้อมูลเสริม แต่ก็เป็นเสียงของนักวิชาการของข้างที่ตนเองเลือก แม้จะมีการใช้ ‘สันติวิธี’ เป็นเกราะก็ตาม<br /><br />ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ตอนนี้ใครๆ ต่างก็เลือกข้าง จะเอือมระอากับปัญหานี้อย่างไรลึกๆ ในใจก็มี ‘ข้าง’ ที่ตนเองเลือกทั้งสิ้น แม้บางคนที่บอกว่าอยากให้ปัญหานี้จบๆ ลงไปเสียทีแต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายในใจว่า “ไอ้ทรราชหน้าดำหน้าขาวเอ้ย! สั่งฆ่าประชาชน ระวังจะแกไม่มีแผ่นดินอยู่” หรือ “ไอ้พวกควายเอ้ย ตายๆ ไปเสียให้หมดก็ดี ปัญหานี้จะได้จบๆ ไป” แม้แต่คนที่ไม่เคยประสีประสาการเมือง ไม่เคยสนใจข่าวสารบ้านเมือง ไม่รู้เหตุแห่งปัญหาว่าอะไรเป็นอะไร อาศัยตามกระแสเอา แต่การอยู่ในประเทศที่มีภาพยนตร์ ‘ดราม่าแอคชั่น’ ให้ชมทุกวันก็เผลอเลือกข้างไปโดยไม่รู้ตัว ก็อย่างว่าล่ะครับ เราอยู่ในโลกของบริโภคนิยม เมื่อสิ่งใดมันทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมป๊อบ การซึมซับเพื่อตามกระแสก็เป็นเรื่องปกติ..............<em><strong><span style="font-size:180%;"><a href="http://http//thai.amannews.org/view/view.php?id=642">อ่านต่อ</a></span></strong></em>yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-60611708138563771702010-05-16T22:16:00.001-07:002010-05-16T22:19:30.292-07:00อาศิส พิทักษ์คุมพล ใน ‘ตัวเต็ง’ จุฬาราชมนตรี<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgL_KHmDV7U2PctuE5FZrcdCqMl90Q1BwSztCt8_zTK0DC_81edlKR8lZE_qjQ35N_8SHgLXdTDrmu4xirvzZBEb9B9uv129u2rU5wMhchNKCd83bXUbZXSNRCpIiwG1u1bmKjxrH30Wsr2/s1600/%E0%B8%88.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 210px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgL_KHmDV7U2PctuE5FZrcdCqMl90Q1BwSztCt8_zTK0DC_81edlKR8lZE_qjQ35N_8SHgLXdTDrmu4xirvzZBEb9B9uv129u2rU5wMhchNKCd83bXUbZXSNRCpIiwG1u1bmKjxrH30Wsr2/s320/%E0%B8%88.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5472103616310682578" /></a><br /> ในจำนวนตัวเต็งทั้งหลายในตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ชื่อของนาย อาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาคือรายชื่อที่เป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ ไม่ใช่เพราะได้รับความเห็นชอบให้เสนอชื่อโดยเอกฉันท์จากประธานกรรมการอิสลามหลายจังหวัดโซนภาคใต้ ไม่ใช่เพราะดำรงตำแหน่งผู้นำมุสลิมในจังหวัดสงขลาที่มีพี่น้องมุสลิมจำนวนมากลำดับต้นๆ ของภาคใต้ แต่นายอาศิสได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องมุสลิมจาก 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีความเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นความหวังว่าหากนายอาศิสได้รับเลือก จะกลายเป็นจุฬาราชมนตรีที่มีความใกล้ชิดกับพี่น้องชาวมุสลิมชายแดนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมหนาแน่นที่สุดของประเทศมากที่สุดเท่าที่เคยมี และกลายเป็นความหวังว่าจะถึงเวลาที่ผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำของชาวมุสลิมในประเทศไทยจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภาคใต้<br /><br /> แน่นอนว่าเส้นทางของนายอาศิสไม่ใช่เพียงแค่รอการคัดเลือกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาได้เดินทางลงพื้นที่ในทั่วประเทศแล้ว เพื่อพบปะกับบรรดาผู้นำศาสนาและพี่น้องมุสลิมในจังหวัดต่างๆ ซึ่งหลายจังหวัดก็มีการพูดคุยพิจารณาแล้วพร้อมกับแสดงความสนับสนุนนายอาศิส ซึ่งเท่ากับว่าไม่ใช่แค่ในเอกภาพของพี่น้องมุสลิม 14 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่นี่คือห้วงเวลาที่น่าจะมีการเปลี่ยนผ่านบางประการของตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ดั่งความเห็นของ ‘นายดำรง กะลำคาน’ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตากที่เปิดเผยว่า ในที่ประชุมของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตากคุยกันถึงกรณีจุฬาราชมนตรีที่ผ่านมาเป็นคนจาก กทม.และภาคกลาง แต่การเลือกสรรครั้งนี้ชาวต่างจังหวัดต้องการเลือกจุฬาราชมนตรีที่มาจากภาคอื่นบ้าง<br /><br /> ส่วน ‘นายอดิศักดิ์ อัสมิมานะ’ คณะกรรมการอิสลามกลาง และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตาก ระบุตรงไปตรงมาว่า จุฬาราชมนตรีคนใหม่ต้องมีแผนการกระจายอำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อย่ายึดติดกับวงศาคณาญาติ และควรกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เพราะมีมุสลิมอยู่ทั่วประเทศไทย ด้วยการแต่งตั้งผู้แทนจุฬาราชมนตรีประจำจังหวัด สามารถตัดสินใจแทนจุฬาราชมนตรีได้ในบางเรื่อง และทำงานแบบการรวมกลุ่ม หรือซูเลาะห์<br /><br /> นายอดิศักดิ์ยังเชื่อว่าจุฬาราชมนตรีจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างภาครัฐ และภาคประชาชน โดยมีคณะทำงานที่เป็นมุสลิมทั้งหมด เพราะเป็นผู้รู้ในเรื่องศาสนาวัฒนธรรม และสังคมมุสลิม รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของชาวมุสลิมในพื้นที่<br /><br /> ความเห็นนี้กระทบชิ่งไปยังข่าวที่ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยบางคนออกนอกหน้าสนับสนุนญาติพี่น้องของตนเองให้ดำรงตำแหน่งสำคัญนี้ แม้จะออกตัวว่าเป็นแค่เพียงการสนับสนุนส่วนตัว แต่ก็ยังไม่วายถูกติงเรื่องความเหมาะสม เพราะที่ผ่านมาบุคคลผู้นี้ยังใช้อำนาจหน้าที่สร้างอำนาจบารมีใน กอท.และดึงการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในองค์กรของพี่น้องมุสลิม<br /><br /> ส่วนประวัติของนายอาศิส พิทักษ์คุมพล เกิดเมื่อปี พ.ศ.2490 ที่ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา จบการศึกษาสายศาสนาจากสถาบันปอเนาะใน อ.จะนะ จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี แม้ไม่ใช่ชาวไทยเชื้อสายมลายูแต่ที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภาคใต้มาหลายกรรมวาระ นอกจากการสนิทแนบแน่นกับพี่น้องมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว พื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลาคือ นาทวี จะนะ เทพา และสะบ้าย้อยก็มีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นซึ่งนายอาศิสต้องเข้าไปรับผิดชอบในฐานะผู้นำศาสนาประจำจังหวัด และการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงคือการดำรงตำแหน่งสำคัญในกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.)เมื่อสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร 16 พฤษภาคมนี้จะรู้ว่าฝันของพี่น้องมุสลิมภาคใต้ทั้งมวลที่ต้องการเห็นจุฬาราชมนตรีมีส่วนร่วมแก้ปัญหาภาคใต้อย่างจริงจัง และฝันของพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศต้องการเห็นจุฬาราชมนตรีของคนต่างจังหวัดจะเป็นจริงหรือไม่<br /><br />อิชชา อัลลอฮ์!!<br /><br />** ภาพประกอบจาก http://www.halalscience.orgyonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-9480078859565575212010-05-13T00:32:00.000-07:002010-05-13T00:59:19.786-07:00ผ่าคดีความมั่นคงปัตตานี(ตอน 2) เปิดสถิติร้องเรียนศูนย์ทนายความมุสลิม “ความอยุติธรรมใต้พรมไฟใต้”<a style="MARGIN-BOTTOM: 1em; FLOAT: right; MARGIN-LEFT: 1em; CLEAR: right" href="http://picasaweb.google.co.th/lh/photo/821Ntb8SnpIDd-wl1fQFKQ?feat=blogger"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCm0IBmsZgQenbPxzr46bd9A0-hTLSouMvAQ5cl12goImo80wmqIPzpI0Et5oEbZgUkj5Vq94zCMTsmIwugpNLbdOEjRcITawQZDcbicAFFF6Yy-RVQjUp0JZxbwOryPojq-0zEtu4_My-/s512/610-1.jpg" /></a><br />กองบรรณาธิการสำนักข่าว<a href="http://thai.amannews.org/">อามาน </a><br /><br />ผ่าคดีความมั่นคงปัตตานีตอนที่แล้วชี้ให้เห็นถึงการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ การปิดล้อมจับกุมแบบเหวี่ยงแหของฝ่ายความมั่นคงโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรก่อให้เกิดแรงต้านจากประชาชน เข้าสู่ตอนที่ 2 สำนักข่าวอามานเปิดสถิติร้องเรียนจากศูนย์ทนายความมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ4 อำเภอ จากจังหวัดสงขลาที่มีมากเกินครึ่งพัน ซึ่งจังหวัดปัตตานีมีตัวเลขการร้องเรียนสูงสูงสุด โดยเฉพาะการร้องเรียนที่มาจากผลกระทบของการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง<br /><br />แม้จะเป็นเพียงตัวเลขกลมๆ เปรียบเทียบตัวเลขเป็นรายเดือนของปี 2552 แต่สถิติการร้องเรียนของประชาชนต่อศูนย์ทนายความมุสลิม(ศทม.) น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เผชิญอยู่กับปัญหาที่เกิดจากผลกระทบของเจ้าหน้าที่รัฐมากเพียงใด<br /><br />ในสถิติที่ศูนย์ทนายความมุสลิมรวบรวมไว้ ระบุว่า การร้องเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลาในห้วง 1 มกราคม 2552 -31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 504 เรื่อง แยกเป็นรายจังหวัด จังหวัดปัตตานีมากที่สุดจำนวน 203 เรื่อง รองลงมาคือจังหวัดยะลา 188 เรื่อง จังหวัดนราธิวาส 127 เรื่อง และใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาจำนวน 27 เรื่อง<br /><br />โฟกัสลงมาเฉพาะศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีในส่วนของประเด็นการร้องเรียนนั้น การละเมิดที่เกิดจากปิดล้อมตรวจค้นมีจำนวนมากที่สุดคือ 107 คดี กรณีนักเรียนนักศึกษาถูกควบคุมตัวและเรื่องการถูกซ้อมทรมาน มีเท่ากันคือ 20 คดี รองลงมาคือการยึดทรัพย์สินหรือทำลายทรัพย์มีมากถึง 17 คดี การบังคับให้ไปรายงานตัวผ่านโครงการหรือนโยบายต่างๆ จำนวน 12 คดี และอื่นๆ อีก 12 คดี และเมื่อแยกเพศของผู้ที่มาร้องเรียนในศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีนั้น เห็นได้ชัดว่า ผู้ร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง(81 ต่อ 28 คนเมื่อเทียบกับผู้ร้องเรียนที่เป็นผู้ชาย) แต่เมื่อดูเฉพาะส่วนของผู้เสียหายหรือผู้ถูกจับกุม ส่วนใหญ่พบว่าเป็นเพศชาย (107 ต่อ 2 คนเมื่อเทียบกับผู้เสียหายหรือถูกจับกุมที่เป็นเพศหญิง) โดยมีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 127 คดี<br /><br />เรื่องร้องเรียนดังกล่าวนั้น ศูนย์ทนายความมุสลิม ประจำจังหวัดปัตตานีได้ดำเนินการไปแล้วจำนวนหลายคดี และหลายขั้นตอน อาทิ การประสานงานเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมและได้รับการปล่อยตัวตามกฎหมาย(พิเศษ) หรือ อยู่ระหว่างการติดตามต่อเนื่อง/อยู่ในชั้นสอบสวน/อัยการ(ฝากขัง) จำนวนหลายคดีด้วยกัน หรือบางส่วนก็ได้รับการประกันตัวสู้คดี บางส่วนก็มีการพิพากษาเสร็จสิ้นไปแล้วตามกระบวนการยุติธรรม<br /><br />แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเด็นการร้องเรียนที่พบว่าเป็นผลจากการปิดล้อมตรวจค้นนั่นพุ่งสูงมาก เพศชายถูกจับกุมหรือเป็นผู้เสียหาย ส่วนเพศหญิงเป็นผู้ร้องเรียน สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การคุกคามสิทธิเสรีภาพ การย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ยังคงเกิดขึ้นทุกวี่วันในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐกำลังใช้ยุทธวิธีทางการทหารแก้ไขปัญหาภาคใต้<br /><br />สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องราวใต้พรม ในขณะที่รัฐบาลประกาศว่าการแก้ไขปัญหาภาคใต้กำลังได้ผล และกำลังรุกคืบต่อไปด้วยความพยายามกวาดล้างผู้ร่วมขบวนการก่อความไม่สงบให้มากขึ้น!!<br /><br /><br />อ่านประกอบ : สถิติเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์ทนายความมุสลิมเปรียบเทียบตัวเลขเป็นรายเดือน ระหว่าง วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ถึง วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ (ตาราง)yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-13633804339383900092010-05-12T21:25:00.000-07:002010-05-12T23:45:24.887-07:00เเตกเเยกรอยความแตกแยกที่ลูโบะปันยัง กับสมานแผลชายแดนใต้ด้วย‘เฮาะกีตอ’<br />2010-05-11 12:23:56<br /> <br /> <br />มูฮำหมัด ดือราแม<br /><br />บ่ายที่ร้อนระอุของวันศุกร์วันหนึ่งกลางเดือนเมษายน 2553 หลังเสร็จสิ้นพิธีละหมาดวันศุกร์ ชาวบ้านส่วนหนึ่งของหมู่บ้านลูโบะปันยัง หมู่ที่ 3 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา มุ่งหน้าไปที่บ้านของนายวอแล๊ะ จินตรา อดีตกำนันตำบลกาบัง ผู้สูญเสียลูกชายจากความไม่สงบ<br /><br />หมู่บ้านที่มีแผลร้าวจากสถานการณ์ความไม่สงบ ส่งผลให้ชาวบ้านมีหวาดกลัวและมีความหวาดระแวง จนเกือบทำให้ความสามัคคีของคนของคนในหมู่บ้านล่มสลาย แต่บัดนี้ค่อยๆ เริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติจากความพยายามทุ่มเทเพื่อชุมชนของแกนนำบางคน<br /><br />วันนี้พวกเขามีงานในหมู่บ้าน...<br /><br />นั่นก็คือพิธีเปิดสำนักงานชมรมฌาปนกิจบ้านลูโบะปันยัง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการทำวิจัย หรือ สกว. ที่บ้านของนายวอแล๊ะ นั่นเอง<br /><br />ขนมจีนและน้ำหวานเย็นๆ ถูกจัดเตรียมพร้อมไว้ข้างเต็นท์โดยทีมแม่บ้าน ขณะที่แขกทยอยเดินทางมาถึง มีทั้งนายอำเภอกาบังที่มาเป็นประธานในพิธีเปิด ส่วนทหารจากหน่วยเฉพาะกิจและตำรวจตระเวนชายแดนจำนวนหนึ่งได้มาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว เช่นเดียวกับผศ.ปิยะ กิจถาวร ตัวแทนจาก สกว.<br /><br />งานพิธีเปิดที่มีผู้ร่วมงานไม่ถึงร้อยคนที่ดูแสนจะธรรมดาเหมือนพิธีเปิดทั่วๆไป แต่ก็แฝงไปด้วยนัยยะของความสูญเสียและการเยียวยา ทั้งในระดับบุคคลและชุมชนที่เคยบอบช้ำจากสถานการณ์ความไม่สงบมาหลายครั้งในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา<br /><br />เหตุการณ์ไม่สงบในหมู่บ้านใกล้ชายแดนไทย –มาเลเซียแห่งนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2551 เริ่มจากมีเหตุการณคนร้ายซุ่มยิงรถรับส่งนักเรียนริมถนนใกล้หมู่บ้าน จากนั้นก็มีเหตุการณ์เรื่อยมา ได้แก่เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงวัยรุ่นในหมู่บ้าน โดยอ้างว่าทลายแหล่งยาเสพติดแต่ไม่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต<br /><br />ต่อมาเกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงลูกชายของนายวอแล๊ะอดีตกำนันตำบลกาบังที่เพิ่งเกษียณได้ไม่ถึงปี เหตุเกิดที่บ้านของตัวเองจนเสียชีวิต ตามมาด้วยเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ริมถนนนอกหมู่บ้านไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตด้วยเช่นกัน ซึ่งยังไม่นับรวมเหตุการณ์อื่นอีกหลายครั้งเช่น ตัดต้นไม้ขวางถนน พ่นสีป้ายจราจร เป็นต้น<br /><br />นายอุเส็น มูสอ ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในฐานะเลขานุการชมรมฌาปนกิจบ้านลูโบะปันยัง และยังเป็นพี่เลี้ยงโครงการสนับสนุนทุนวิจัยกิจกรรมทางเลือก (Alternative Activity Research : AAR) เพื่อเด็ก เด็กกำพร้า เยาวชน สตรี สตรีหม้าย และผู้นำศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอำเภอจะนะ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา) สกว.ที่เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้าน หรือที่เรียกว่า โครงการเฮาะกีตอ(โครงการของพวกเรา)<br /><br />นายอุเส็น เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมาก โดยเฉพาะทางด้านจิตใจเพราะชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะตัวกำนันเองกับชาวบ้าน หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาเองก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปหาชาวบ้าน คิดว่าชาวบ้านไม่ต้องการเขาอีกแล้ว จึงทำให้ความสัมพันธ์กับชาวบ้านยิ่งห่างมากขึ้น<br /><br />“เมื่อชาวบ้านเห็นว่า อดีตผู้นำคนนี้ไม่เข้าหาชาวบ้านอีกแล้ว ชาวบ้านก็ไม่ไปมาหาสู่กับเขาเช่นกัน ส่วนลูก 2 คน ของลูกชายที่ถูกยิงเสียชีวิตมาเลี้ยงดูเองด้วย แต่ปัจจุบันเมื่อสถานการณ์ความไม่สงบในหมู่บ้านเริ่มดีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างกำนันกับชาวบ้านก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีด้วย”<br /><br />จุดเปลี่ยนสำคัญที่น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอดีตกำนันคนนี้ชาวบ้านกับดีขึ้น ก็เมื่อชาวบ้านได้เชิญมาเป็นประธานชมรมฌาปนกิจบ้านลูโบะปันยังนั่นเอง ซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งเดือนมกราคม 2552<br /><br />โดยนายอุเส็นเห็นว่า สุขภาพจิตของกำนันไม่ดีเลยมาตั้งแต่สูญเสียลูกชาย โดยเฉพาะทัศนคติต่อชาวบ้าน เพราะเชื่อว่า คนในหมู่บ้านนั่นเองที่เป็นคนก่อเหตุ ถ้าปล่อยไว้นานจะยิ่งไปกันใหญ่ จึงเชิญให้มาเป็นประธานเพื่อพยายามให้ลืมเรื่องเก่าๆและต้องการให้เห็นว่าชาวบ้านยังเคารพนับถือ แม้ดูแล้วยังดังความรู้สึกดีๆกลับมาได้ไม่มากก็ตาม<br /><br />ซึ่งบทบาทหน้าที่สำคัญของประธานก็คือเมื่อมีสมาชิกชมรมเสียชีวิต ประธานก็จะนำเงินฌาปนกิจไปมอบให้กับญาติด้วยตัวเอง เป็นหนทางหนึ่งในการเยียวยาจิตใจและสร้างทัศนคติที่ดีต่อชาวบ้านขึ้นมาใหม่ เพราะต้องมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับชาวบ้านที่เคยเป็นลูกบ้านของตัวเอง<br /><br />แม้มีอดีตลูกบ้าน 2 – 3 คนได้หนีหายไปจากหมู่บ้านแล้วก็ตาม<br /><br />“งานที่ผมทำ จึงเป็นการเยียวยาชุมชนมากกว่าเยียวยาบุคคล เพียงแต่ที่ยกกรณีของกำนันวอแล๊ะขึ้นมา เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในหมู่บ้าน” อุเส็นอธิบาย<br /><br />ส่วนนายวอแล๊ะ จินตรา อดีตกำนันผู้สูญเสีย เล่าว่า วิถีชีวิตตอนนี้ก็เป็นปกติธรรมดา เหมือนคนทั่วไปที่ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไร เพราะเกษียณจากกำนันมาตั้งแต่ปี 2549 ต่างจากเมื่อก่อนที่เป็นผู้นำในหมู่บ้านมา 20 ปี ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง<br /><br /><br /><br /><br />“อะไรที่จะเกิดมันก็ต้องเกิด ส่วนผลกระทบทางด้านจิตใจก็ต้องมีบ้าง ตอนนี้ยังหวาดผวาอยู่ เพราะเราเคยโดนกับตัวเอง ดังนั้นการจะเชื่อใจใครได้ นั้นตอนนี้ต้องพิจารณาให้ดีก่อน ต้องสังเกตให้ดี ไม่ว่าเขาจะเป็นเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว” อดีตกำนันวอแล๊ะ อธิบายถึงความรู้สึกข้างในจิตใจ<br /><br />พร้อมกับเล่าต่อว่า “แต่การที่ได้มาเป็นประธานชมรมฌาปนกิจบ้านลูโบะปันยังได้นั้น ก็เพราะชาวบ้านเชิญมา แสดงว่าชาวบ้านก็ยังต้องการให้เราเป็นผู้นำอยู่ เพื่อให้ได้มาทำงานเพื่อส่วนรวมอีก”<br /><br />แม้จะมีบาดแผลอยู่ในใจ แต่ก็ใช่ว่าจะส่งผลให้การทำงานมีปัญหาไปด้วย เพราะตลอด 1 ปี 4 เดือนที่เข้ามาเป็นประธานเป็นคนแรก มีการประชุมคณะกรรมการชมรมทุก 2 – 3 เดือน มีการมอบเงินค่าฌาปนกิจศพสมาชิกไปแล้ว 11 ราย โดยที่เขาเป็นผู้นำไปมอบให้ญาติคนตายด้วยตัวเอง<br /><br />“ในช่วงแรกๆ ก็มีปัญหาบ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะยังมีชาวบ้านที่ยังไม่เข้าใจและไม่ไว้ใจ ก็ต้องทำความเข้าใจกัน”นายวอแล๊ะ กล่าว พร้อมกับอธิบายต่อว่า<br /><br />การจัดพิธีเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจมากขึ้น เพราะมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่ผ่านมาด้วย<br /><br />“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกสบายใจอยู่เลย แต่ก็มี ยีเซ็ง(นายอุเส็น) นี่แหละที่เป็นคนที่ดึงเราเข้ามา แล้วก็ให้กำลังใจตลอด” คือคำทิ้งท้ายของอดีตกำนันวอแล๊ะ ผู้สูญเสีย<br /><br />“ถ้าจัดงานนี้ที่บ้านผม รับรองขนมจีน 100 กิโลกรัมไม่พอแน่ ก็ได้แต่หวังว่าจัดงานครั้งต่อไปชาวบ้านจะมากันมากกว่านี้”<br /><br /><br />วอแล๊ะไม่ได้พูดประโยคนี้ แต่เป็นเสียงกระซิบทิ้งท้ายของอุเส็นyonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-81146207580905688842010-05-10T21:01:00.000-07:002010-05-10T21:01:43.465-07:00krabi<div style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhp3Dd8PY5ueoUXlwaVtnU_M6wrDWBqmW3REWeRuyX3R-DHXjIe6gpzMGcX4KGA5l2wraFUj9VfgL_z5b8DxUOsF8PNn6FxR1oy0KJ6gLwjgO5AGmwkroUTC8DPxxXEnWLe7SjJhnmXfU5Q/s1600/100_1160.jpg"><img border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhp3Dd8PY5ueoUXlwaVtnU_M6wrDWBqmW3REWeRuyX3R-DHXjIe6gpzMGcX4KGA5l2wraFUj9VfgL_z5b8DxUOsF8PNn6FxR1oy0KJ6gLwjgO5AGmwkroUTC8DPxxXEnWLe7SjJhnmXfU5Q/s320/100_1160.jpg" /></a> </div><div style='clear:both; text-align:CENTER'><a href='http://picasa.google.com/blogger/' target='ext'><img src='http://photos1.blogger.com/pbp.gif' alt='Posted by Picasa' style='border: 0px none ; padding: 0px; background: transparent none repeat scroll 0% 50%; -moz-background-clip: initial; -moz-background-origin: initial; -moz-background-inline-policy: initial;' align='middle' border='0' /></a></div>yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-27900654053567301042010-05-10T08:33:00.000-07:002010-05-10T08:43:14.584-07:00ผมชื่อ บัดรอน มาจากสายบุรี จังหวัด <a href="http://www.showded.com/">ปัตตานี</a>yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-32108466598030378602010-05-10T08:16:00.000-07:002010-05-12T23:33:28.428-07:00red armyข่าว<a href="http://www.fat.or.th/">ฟุตบอล</a> นี่น่าจะเป็นชัยชนะ ที่ชอกช้ำที่สุดของบรรดา <a href="http://www.redarmyfc.com/">'เร้ดอาร์มี่</a>' ในฤดูกาลนี้ เพราะถึงแม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไปได้ 4-0 แต่เนื่องจากเชลซีเก็บ 3 คะแนนเหนือวีแกนได้ จึงทำให้พวกเขาเป็นได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น มิหนำซ้ำรูนี่ย์ยังพลาดดาวซัลโวไปอีกด้วย<br /><br />ผลบอล <a href="http://www.premierleague.com/">พรีเมียร์</a> ลีก อังกฤษ<br />วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษาคม 2553<br />แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 สโต๊ค ซิตี้<br />ประตู : 1-0 ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ น.31,2-0 ไรอัน กิ๊กส์ น.38,3-0 แดนนี่ ฮิกกิ้นบอทอม(o.g.) น.55,4-0 จี ซุง ปาร์ค น.84<br /><br />ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้<br /><br />ครึ่งแรก<br /><br />แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดฉากลุยตั้งแต่ต้นเกมทันที โดยมีโอกาสได้ลุ้นในนาทีที่ 10 จากลูกที่ นานี่ เปิดมาให้ แต่ว่าเบอร์บาตอฟ โหม่งข้ามคานออกไป<br /><br />จากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด พยายามเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และมาประสบความสำเร็จเอาในนาทีที่ 31 จากจังหวะลูกเตะมุม วิดิช ได้โขกแต่ไปติดนักเตะวีแกน ก่อนที่จะมาเข้าทาง เฟล็ตเชอร์ ซัดเสยตาข่ายจากระยะเผาขนเข้าไป<br /><br />ถึงนาทีที่ 38 สกอร์ก็ขยับเป็น 2-0 เมื่อ เบอร์บาตอฟ ทำทางได้สวยให้ กิ๊กส์ สไลด์บอลผ่านตัวของ เบโกวิช ประตูสโต๊ค เข้าไป ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด นำสบายในช่วงนี้<br /><br />ถัดมาเป็นโอกาสของ รูนี่ย์ ก่อนหมดครึงแรก โดยยังเป็น เบอร์บาตอฟ ที่ใส่พานมาให้ แต่ว่า โรเบิร์ต ฮูธ ก็มาช่วยบล็อกได้ทันเวลาก่อนที่ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ที่กำลังลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวอยู่กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จะสงบอลไปตุงตาข่าย<br /><br />สโต๊ค ก็พอมีโอกาสเหมือนกันเมื่อ ฟูลเลอร์ ได้โอกาสจะทำประตูแต่ว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ช่วยป้องกันเอาไว้ได้แบบไม่ยากเย็นนัก ก่อนที่เกมจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำ 2 เม็ดของเจ้าบ้าน แต่บรรยากาศไม่สู้ดีนักเพราะรู้สถานการณ์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์<br /><br />ครึงหลัง<br /><br />แมนฯ ยูไนเต็ด มาบวกได้อีกประตูในนาทีที่ 54 ซึ่งต้องชม รูนี่ย์ ที่ทำมาได้ดีก่อนจะเปิดไปปากประตูโดยมี นานี่ โฉบเข้ามา ทำให้ ฮิกกินบอแธม กดดันและสกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองไป แต่มันก็ไร้ความหมายเพราะอีก สนาม เชลซี ไล่ยิงวีแกนสนุกเท้า<br /><br />ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เกมเริ่มเนือยลงไป มีจังหวะก็ทำไม่ถนัด ส่วน<a href="http://www.redarmyfc.com/www.waynerooney.com">รูนีย์ </a>ที่ก่อนเกมได้ลุ้นดาวซัลโวด้วยก็มาโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 76 แมนฯ ยูไนเต็ด มายิงเพิ่มเป็น 4-0 ในนาทีที่ 84 จากลูกเตะมุม กิ๊กส์ เปิดเข้ามาให้ พาร์ค โขกเข้าไปจากระยะ 8 หลา<br /><br />ก่อนที่จะไม่มีอะไรกันอีก เกมจบลงที่สกอร์นี้และปีศาจแดงก็ได้เป็นรองแชมป์ในฤดูกาลนี้เท่านั้น หยุดสถิติการครองแชมป์ไว้ที่ 3 สมัยติดต่อกัน และอดแซงหน้าขึ้นเป็นแชมป์ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์<br /><br />รายชื่อผู้เล่นทั้ง สองทีม<br /><br />แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,เนมันย่า วิดิช ,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ปาทริช เอฟร่า,แกรี่ เนวิลล์,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,พอล สโคลส์ (กิ๊บสัน น.62),ไรอัน กิ๊กส์,นานี่,เวย์น รูนี่ย์(ปาร์ค น.77),ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ(มาเคด้า น.62)<br /><br />สโต๊ค ซิตี้ : แอสเมียร์ เบโกวิช,โรเบิร์ต ฮูธ,ไรอัน ชอว์ครอสส์,แดนนี่ ฮิกกิ้นบอทอม(คอลลินส์ น.67),แอนดี้ วิลกินสัน,เกล็นน์ วีแกน,ดีน ไวท์เฮด(ดิเยา น.67),แมทธิว เอ็ตเธอริงตัน,รอรี่ ดีแลป,มามาดี้ ซิดิบี้(พิวจ์ น.67),ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-91962939063466093562010-05-10T07:52:00.000-07:002010-05-12T23:36:07.756-07:00เสธ.แดงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง<br /><br /><br /><br />เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม<br /><br />เสธ.แดง ปูดข่าว <a href="http://www.thaksin.net/">ทักษิณ</a> เตรียมตั้งแกนนำแดงชุด 2 กี้ร์ แรมโบ้ ขวัญชัย จ้องไล่ 3 เกลอกลับบ้าน<br /><br />พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือ เสธ.แดง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ในวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า การที่นายกฯ ฟันธงว่าตนกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการล้มแผนปรองดองแห่งชาตินั้น เป็นการสรุปเองทั้งหมด ใครเชื่อก็คงออกลูกเป็นควาย และเมื่อคืนวาน (9 พ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตกลงกับตนสั่งให้แต่งตั้งแกนนำ นปช. ชุด 2 ขึ้นมา และใครที่ไม่สู้ก็ให้กลับบ้านไป ไม่ต้องกลับมาขึ้นเวทีเสื้อ<a href="http://www.posttoday.com/">แดง</a>อีก โดยแกนนำชุด 2 นั้น เตรียมตัวให้นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายขวัญชัย ไพรพณา และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ทำหน้าที่แทนชุดเก่าที่ประกอบไปด้วย นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมทั้งนายแพทย์เหวง โตจิราการ และ นายวิสา คัญทัพ ที่ไปประนีประนอมกับทาง<a href="http://th.wikipedia.org/wiki">รัฐบาล</a> ให้กลับบ้านไป<br /><br />และเมื่อมีการถามถึงกระแสว่าจะมีการปลด เสธ.แดง ออกจากกองทัพนั้น เสธ.แดง กล่าวว่า "มึงจะทำยังไงก็ได้ กูไม่เสียใจทำไปเลย หากจะเสนอปลดจริงก็ทำได้ ทำไปเลย เพราะมึงคือกองทัพโจร แต่ถ้าโดนปลดก็เกินเหตุ เพราะกูเพียงแค่เดินไปเดินมาในที่ชุมนุมเท่านั้น ทั้งนี้หากมีการปลดจริงต้องให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งเสธ.แดงพร้อมจะรับสนองพระบรมราชโองการทั้งสิ้น"yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-67048505249323565562010-05-09T23:59:00.000-07:002010-05-11T22:07:37.941-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGKqDJzRPJJ6chnTixqHlcIIfOL6d8CkzE7MYzAdeW2Yahm3f1yuFjWk5MVwfPFi6RA3zta4XzpO1qb5SYmWF8YLuwLznWl0v4j3uIoyGLGqFtXGGhywDZUx_llJisZ2YagyE-oQU0sKfE/s1600/krabi_30.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 274px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5469532657515280626" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGKqDJzRPJJ6chnTixqHlcIIfOL6d8CkzE7MYzAdeW2Yahm3f1yuFjWk5MVwfPFi6RA3zta4XzpO1qb5SYmWF8YLuwLznWl0v4j3uIoyGLGqFtXGGhywDZUx_llJisZ2YagyE-oQU0sKfE/s320/krabi_30.jpg" /></a><br /><div><a href="http://www.tourkrabi.com/">Krabi </a>pen stanti tongtiau ti suai ngammak yang chn <a href="http://phi-phi.com/">Koh Pipi</a> Koh lanta , Ta crai soncai tidto dai kab pom na tini.</div>yonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-6932954595746393096.post-21111284670546009152010-05-09T21:18:00.000-07:002010-05-09T21:40:22.836-07:00เเนะนำตัว badbadron <a href="http://www.amannews.org/">จาก</a> saiburiyonghttp://www.blogger.com/profile/14110016653009490325noreply@blogger.com0